ว่าที่เจ้าสาวขอปรับแขกคนละ 40,000 หลังจากแขกบอกจะมางานแต่งแต่ไม่มา 

เรื่องราวของว่าที่เจ้าสาวชาวออสซี่ถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 12 เดือนธันวาคม  ปีพ.ศ 2566

  ซึ่งเรื่องนี้เป็นประเด็นดราม่าที่มีการพูดถึงเป็นอย่างมากในโลกออนไลน์เนื่องจากว่าวันที่เจ้าสาวรายนี้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับแผนการของเธอว่าเธอนั้นจะมีการคิดเงินซึ่งเงินดังกล่าวเธอเรียกว่าเป็นเงินค่าธรรมเนียมกับแขกที่รับปากกับเธอว่าจะมาร่วมงานแต่งงานของเธอ

แต่เมื่อถึงวันแต่งงานจริงๆแล้วแขกที่เคยรับปากว่าจะมางานแต่งของเธอนั้นกลับไม่มาทำให้เธอต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจองโต๊ะเอาไว้ให้แขกเป็นจำนวนมาก 

       ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ข้อความสนทนาซึ่งถูกนำมาจาก Application WhatsApp โดยเป็นข้อความของว่าที่เจ้าสาวที่ได้มีการส่งข้อความไปหาเพื่อนสาวเพื่อชักชวนให้มาร่วมงานแต่งงานของเธอที่จะมีการจัดขึ้นโดยว่าที่เจ้าสาวนั้นได้มีการส่งข้อความไปหาเพื่อนตั้งแต่เดือนกรกฎาคมซึ่งเพื่อนของเธอก็รับปากอย่างดีว่าจะมาร่วมงานแต่งงาน

     อย่างไรก็ตามเมื่อถึงใกล้วันจัดงานแต่งงานซึ่งว่าที่เจ้าสาวก็ได้มีการเตรียมวางแผนงานแต่งงานไว้หมดแล้วรวมถึงจำนวนโต๊ะที่จะมีการเชิญแขกว่าจะมีแขกมาร่วมงานกี่คนมีการจองโต๊ะอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้วปรากฏว่าเมื่อถึงช่วงเดือนธันวาคมเพื่อนของเจ้าสาวรายนึงก็ได้ส่งข้อความมาขอยกเลิกที่จะมางานแต่งงานของเธอ

โดยให้เหตุผลว่าไม่สะดวกซึ่งเป็นการแจ้งล่วงหน้าเพียงแค่สัปดาห์เดียวก่อนที่จะมีงานแต่งงานเท่านั้นทำให้ว่าที่เจ้าสาวไม่สามารถที่จะแก้ไขจำนวนโต๊ะของแขกที่จะมาร่วมงานแต่งงานได้ 

   อย่างไรก็ตามว่าที่เจ้าสาวที่โพสต์ลงในโลกออนไลน์เพื่อขอความคิดเห็นจากชาวโซเชียลเกี่ยวกับเรื่องของการคิดเงินแขกที่ปฏิเสธมางานแต่งงานของเธอ

ทั้งที่รับปากแล้วจำนวนเงินคนละ 40,000 บาทโดยเธอให้เหตุผลว่าแขกที่รับปากที่จะร่วมงานแต่งงานของเธอแล้วกับ cancel ในนาทีสุดท้ายนั้นมีจำนวนมากกว่า 10 คนซึ่งถ้าคิดค่าใช้จ่ายในส่วนดังกล่าวแล้วเธอต้องเสียเงินค่าใช้จ่ายไปฟรีๆประมาณสูงถึง 435,000 บาทเลยทีเดียว

     ดังนั้นเธอจึงอยากถามชาวโซเชียลว่าถ้าหากเธอคิดค่าธรรมเนียมสำหรับคนที่ไม่มาร่วมงานแต่งงานของเธอจำนวนคนละ 40,000 บาทนั้นจะสมเหตุสมผลหรือไม่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่เจ้าสาวรายนี้มองว่าแขกที่เคยรับปากว่าจะมาร่วมงานแต่งงานของเธอแต่กลับมาปฏิเสธขอยกเลิกการมางานในช่วงเวลาที่เหลือเพียงแค่อาทิตย์เดียว กลุ่มคนเหล่านี้ควรจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเหล่านี้ด้วย 

    ภายหลังจากที่ข้อความของเจ้าสาวรายนี้ถูกแชร์ในโลกออนไลน์ก็มีคนให้ความสนใจเป็นอย่างมากจนเกิดเป็นกระแสดราม่าซึ่งหลายคนก็อยู่ฝั่งทางเจ้าสาวเพราะมองว่าแขกที่รับปากแล้วแต่ปฏิเสธภายหลังก่อนที่งานจะเริ่มเพียงแค่อาทิตย์เดียวนั้น

เป็นการเสียมารยาทมากในขณะเดียวกันก็มีบางกลุ่มที่มองว่าไม่ควรเรียกเก็บหรือร้องเรียนใดๆเพราะหลายคนเชื่อว่าแขกที่ไม่มาร่วมงานแต่งงานนั้นอาจจะมีเหตุฉุกเฉินจริงๆ 

 

สนับสนุนโดย    huaydee

น้ำท่วมเกาหลีใต้: ปธน.เรียกร้องให้ดำเนินการวิกฤตสภาพอากาศ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตพุ่ง 40 ราย

             ประธานาธิบดี ยุน ซุก ยอล เรียกร้องให้ยกเครื่องการเตรียมพร้อมของประเทศ เนื่องจากสภาพอากาศที่รุนแรงกลายเป็น ‘เรื่องธรรมดา’   หน่วยกู้ภัยในเกาหลีใต้กู้ร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมด 13 ศพจากอุโมงค์ถนนที่ถูกน้ำท่วมในใจกลางเมือง

ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มที่เกิดจากฝนตกหนักหลายวันเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 40 ศพในวันจันทร์ 

การทำลายล้างทำให้ประธานาธิบดี ยุน ซอก ยอล   ของประเทศเตือนว่าวิกฤตสภาพอากาศทำให้สภาพอากาศเลวร้ายกลายเป็นความจริงของชีวิต  “เหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วแบบนี้จะกลายเป็นเรื่องธรรมดา  

เราต้องยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังเกิดขึ้น และจัดการกับมัน” ยุนกล่าวขณะเตรียมเดินทางเยือนจังหวัดคยองซังเหนือที่ประสบอุทกภัย     แนวคิดที่ว่าสภาพอากาศสุดขั้วที่เชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นความผิดปกติ

และไม่สามารถช่วยได้ “จำเป็นต้องยกเครื่องใหม่ทั้งหมด” ในขณะที่เรียกร้องให้มี “ความมุ่งมั่นพิเศษ” เพื่อปรับปรุงการเตรียมพร้อมและมาตรการรับมือของประเทศ     

ทางการในใจกลางเมืองชองจู ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 13 ราย หลังจากที่รถของพวกเขาติดอยู่ในอุโมงค์ใต้ดิน โอซง   ยาว 685 เมตร   รถยนต์มากถึง 15 คัน รวมทั้งรถบัส ถูกน้ำท่วมฉับพลันเมื่อตลิ่งพังในเย็นวันเสาร์ เจ้าหน้าที่กู้ภัยประมาณ 900 คน รวมทั้งนักประดาน้ำ ยังคงค้นหาในอุโมงค์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงคาดว่าน้ำจะเต็มภายในเวลาเพียง 2-3 นาที  

ยุนสั่งให้ทางการใช้ “ความพยายามอย่างเต็มที่” เพื่อจัดการกับน้ำท่วมและสัญญาว่าจะสนับสนุนงานฟื้นฟู รวมทั้งกำหนดเขตภัยพิบัติพิเศษในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด

  ชาวบ้านและครอบครัวของเหยื่อวิพากษ์วิจารณ์เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอย่างหนัก โดยกล่าวหาว่าพวกเขาเป็นผู้ควบคุม “ภัยพิบัติที่มนุษย์สร้างขึ้น” ที่ไม่ปิดอุโมงค์ชั่วคราวท่ามกลางฝนตกหนักและระดับน้ำในแม่น้ำใกล้เคียงที่เพิ่มสูงขึ้น  ตำรวจกล่าวว่าพวกเขาจะเริ่มการสอบสวนน้ำท่วมร้ายแรง สำนักข่าวยอนฮัป ระบุ    พวกเขาถามว่าทำไมรัฐบาลจังหวัด ชุงชอง  

เหนือจึงไม่ปิดอุโมงค์พื้นต่ำ ซึ่งอยู่ห่างจากแม่น้ำ มิโฮะเพียง 600 เมตร แม้ว่าจะมีการออกคำเตือนน้ำท่วมในแม่น้ำสี่ชั่วโมงก่อนเกิดอุบัติเหตุก็ตาม  ในการตอบสนอง รัฐบาลท้องถิ่นกล่าวว่าคู่มือรับมือเหตุฉุกเฉินไม่ได้กำหนดให้ต้องปิดอุโมงค์ทันทีภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว

  “ไม่จำเป็นเสมอไปที่จะต้องบังคับใช้มาตรการจำกัดการเดินทางเข้าในกรณีที่มีการเตือนภัยน้ำท่วม” คัง จอง-กึน เจ้าหน้าที่ประจำจังหวัดกล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา “เราตรวจสอบสถานการณ์ถนนโดยรวมและตัดสินใจ

โดยอาศัยการติดตามอย่างใกล้ชิด”    “ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรเป็นพิเศษจนกระทั่งเขื่อนแตก    และเนื่องจากน้ำที่ไหลบ่าเข้ามาอย่างรวดเร็ว เราจึงไม่มีเวลามากพอที่จะหยุดรถไม่ให้เข้ามา”     แต่ จาง ชาน-เกียว  ชาวบ้านกล่าวว่าควรทำมากกว่านี้เพื่อป้องกันไม่ให้แม่น้ำไหลล้นตลิ่ง   

วัดปริมาณน้ำฝนได้มากกว่า 60 ซม. (24 นิ้ว) ในเมือง Gongju และ Cheongyang ของจังหวัดทางใต้ของ Chungcheong ตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม ชองจูซึ่งเป็นที่ตั้งของอุโมงค์ได้รับน้ำมากกว่า 54 ซม. (21 นิ้ว) ในช่วงเวลาเดียวกัน   สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของเกาหลีกล่าวว่าพื้นที่ตอนกลางและตอนใต้ของประเทศอาจได้รับปริมาณน้ำฝนเพิ่มเติมอีกถึง 30 ซม. (12 นิ้ว) จนถึงวันอังคาร  

 

สนับสนุนโดย      huaydee